🎞️ Videos Tech Behind the Scene: NETFLIX'S Mad Unicorn ⚡

Description

คุณปั๊บ Tech Advisor ของซีรีส์ดังเรื่อง สงคราม ส่งด่วน (Mad Unicorn) มาเล่าประสบการณ์เบื้องหลังสุดฮาในการทำงานร่วมกับทีมผู้สร้าง ฟังเรื่องราวการเข้าไปเป็นที่ปรึกษาทางเทคนิคให้กับซีรีส์ ตั้งแต่การสร้างโลกของทีม dev การออกแบบหน้าจอและโค้ดที่ปรากฏในเรื่อง ไปจนถึงการ workshop ให้นักแสดงที่ไม่มีพื้นฐานด้านเทคมาก่อน รวมถึงเรื่องราวสนุกๆ ในกองถ่าย และ easter egg ที่ซ่อนอยู่ในซีรีส์ที่คุณอาจไม่เคยสังเกต มาร่วมฟังเรื่องราวการทำงานสุดบันเทิงที่ผสมผสานระหว่างโลกของเทคโนโลยีและวงการบันเทิงได้ในวิดีโอนี้

Chapters

  • เกริ่นนำช่วงสุดท้าย 0:00
  • พูดคุยเกี่ยวกับซีรีส์ Mad Unicorn และนักแสดง 0:07
  • แนะนำซีรีส์ Mad Unicorn (ส่งคำส่งด่วน) บน Netflix 0:38
  • เชิญคุณปั๊บมาเล่าประสบการณ์ 1:02
  • คุณปั๊บแนะนำตัวและเกริ่นนำ 1:43
  • อยากฟังแบบจริงจังหรืออยากฟังเม้าท์? 2:30
  • แนะนำตัวคุณปั๊บอย่างเป็นทางการและบทบาทในซีรีส์ 2:43
  • เข้าเรื่อง! เบื้องหลังการทำซีรีส์และ tech ที่ใช้ 3:23
  • จุดเริ่มต้นการเข้าไปเกี่ยวข้องกับซีรีส์ 3:50
  • พัฒนาบทและการสร้าง World Building 5:58
  • ออกแบบตัวละครทีม Tech และตำแหน่ง 7:07
  • Workshop ให้นักแสดงทีม Tech (อย่าพิมพ์มั่ว!) 9:04
  • เริ่มถ่ายทำ! ประสบการณ์ในกองถ่ายครั้งแรก 11:10
  • ควบตำแหน่งนักแสดงและทีม Art 12:26
  • ความประทับใจในการทำงานของกองถ่าย 14:11
  • เบื้องหลัง tech ในซีรีส์ (MVP และ stack) 15:19
  • ถ่ายทำฉากโกดังและความท้าทายใหม่ 16:01
  • ทีม Art สุดยอด! Setup ฉากโกดัง 17:44
  • จัดการจอทีม Tech 20 คน และวิธี Capture 18:02
  • โค้ดในซีรีส์มาจากไหน? (Creatorsgarten) 19:16
  • เบื้องหลังการออกแบบแอปในซีรีส์ 20:01
  • Easter Egg ในฉาก Error และ Tech ที่ใช้จริง 21:08
  • ออกแบบ Native App และ PWA 22:26
  • เปิดให้เล่นแอป PWA และย้ายไป Cloudflare 23:08
  • Fun fact: ทำไมรุ่ยเจี๋ยหัวร้อน? 24:00
  • Easter Egg เพิ่มเติมและทฤษฎีเกี่ยวกับรุ่ยเจี๋ย 25:15
  • สรุปและ Q&A 25:48
  • ช่วง Q&A อย่างเป็นทางการ 26:17
  • Q&A: ทำไมรุ่ยเจี๋ยใช้ vim แต่กด arrow? 26:39
  • Q&A: กลิ่นห้องที่สร้างใหม่เป็นยังไง? 27:15
  • เรื่องเล่าเกี่ยวกับทีม Art และหมูกระทะ 28:05
  • Q&A: Issue ใน repo resolve หรือยัง? 29:14
  • ความประทับใจจากผู้ชมและ issue ใน repo 30:07
  • คำถามสุดท้ายและแจกของรางวัล 31:17
  • ปิดท้ายและขอบคุณ 32:29

Transcript

คำบรรยายต่อไปนี้อาจไม่ถูกต้องทั้งหมด หากคุณพบข้อผิดพลาดใดๆ คุณสามารถคลิกเมาส์ขวาบนข้อความเพื่อรายงานได้ทันที หรือ แก้ไขบน GitHub

เกริ่นนำช่วงสุดท้าย0:00

โอเคครับ

เดี๋ยวก็เข้าสู่ช่วงของเซสชั่นสุดท้ายแล้วนะครับ

พูดคุยเกี่ยวกับซีรีส์ Mad Unicorn และนักแสดง0:07

ก่อนอื่นครับ มีใครเคยเห็นโพสต์นี้บ้างมั้ยครับ มีๆ เคยเห็นคนดูด้วยครับผม เรื่องนี้ แล้วมีใครรู้จักคนนี้อยู่แล้วมั้ยครับ

โห คนนี้ดังมากเลยครับผม เค้าเป็นนักแสดงรึเปล่าครับ นั่นสิครับ น่าจะเป็นนักแสดงนะครับผมคนนี้ ถ้าตัวหน้าจะแพงนะครับ กี่ล้านๆ​? ร้อยกิโลครับ

เค้าชั่งเป็นตาชั่งครับ

แนะนำซีรีส์ Mad Unicorn (ส่งคำส่งด่วน) บน Netflix0:38

มีใครรู้จักซีรีส์นี้บ้างมั้ยครับ ยกมืออีกทีครับ โอเคครับ ยังพอคุยเล่นได้ครับ

ซีรีส์เรื่องนี้ครับผม เรื่อง Mad Unicorn เรื่องสงคราม ส่งด่วนนะครับผม เป็นซีรีส์ใน Netflix ที่เรียกว่า สร้างเทรนด์ในสังคมแบบดังมากเลยครับผม ตอนผมดูผมก็ไม่คิดว่ามันจะดีขนาดนี้ อีกนิดนึงจะไปโหนกระแสแล้วฮะ

เชิญคุณปั๊บมาเล่าประสบการณ์1:02

ดีมั้ย ดีหรือไม่ดีครับ

เราต้องให้เจ้าตัวมาเล่าดีกว่า ว่ามันเป็นยังไง เราไม่ได้ทำอะไรเรื่องนี้เลยเนาะ แต่คนเนี่ยเค้าแบบทำงานกับเรื่องนี้โดยตรง เค้าน่าจะมีประสบการณ์มากกว่าครับผม เพราะฉะนั้นเราก็ขอเชิญ คุณปั๊บนะครับ

คุณปั๊บแนะนำตัวและเกริ่นนำ1:43

สวัสดีครับ จริงๆ เมื่อกี้จะเปิดสไลด์ด้วยการถามว่า

มีใครรู้จักซีรีส์สงคราม ส่งด่วนมั้ย แต่โดนแย่งคำถามไปแล้วฮะ

แล้วหลังจากตอนนั้นนะฮะ ก็ตั้งใจจะถามว่า ใครรู้จักซีรีส์สงคราม ส่งด่วนมั้ย ถ้าไม่รู้จักก็ไปดูนะครับ มันเป็นอันดับ 1 ของ Number 1 TV Shows เลยเหรอครับ Number 1 in Asia ว้าว ครับ โอเคครับ แล้วต่อจากนั้นนะฮะ ก็ตั้งใจจะถามว่า แล้วมีใครเห็นโพสต์นี้มั้ย ซึ่งก็โดนถามไปแล้วเหมือนกันครับ

ขอถามจริงๆ อีกรอบนึง มีใครเห็นโพสต์นี้มั้ยนะฮะ โอเค โอ้ ขอบคุณครับ ถ้างั้น จบแล้วฮะ สไลด์ผม ขอบคุณครับ

อยากฟังแบบจริงจังหรืออยากฟังเม้าท์?2:30

ถ้างั้นขออีกคำถามนึง คำถามที่ 3 ก็คือ วันนี้อยากมาฟังแบบจริงจังหรืออยากมาฟังปั๊บเม้าส์

ถ้างั้นก็ได้ฮะ จัดไปตามนั้น

แนะนำตัวคุณปั๊บอย่างเป็นทางการและบทบาทในซีรีส์2:43

ผมชื่อชยภัทร อัชญาวรางกูรนะฮะ ก็เป็น Tech Advisor ให้สงคราม ส่งด่วนครับ แล้วก็อาชีพรับจ๊อบเสริม รับฟรีแลนซ์ ก็คือเป็น Front-End ให้กับ Thunder Express ครับ หน้าที่ในเรื่องก็ไม่มีอะไรมากฮะ มาฉากแรกก็คือโดนด่า ฉากที่ 2 ที่เข้าฉากก็คือโดนสาดน้ำใส่ครับ แล้วก็อีกอันนึงก็คือโดนจับโยนลงทะเล ก็ไปอยู่ชลบุรีวันนึงนะฮะ ออกมาแบบ 3 วินาที ก็พอใจมากครับ

ตัวจริงผมไม่ได้ใส่เสื้อแบบนั้นนะฮะ โทษทีมอาร์ตได้เลย

เข้าเรื่อง! เบื้องหลังการทำซีรีส์และ tech ที่ใช้3:23

โอเค ก็เข้าเรื่องแล้วกัน วันนี้นะฮะ จะมาเล่า 2 พาร์ท พาร์ทแรกก็คือเมาท์นี่แหละ ว่าภาพรวมของการทำซีรีส์เป็นยังไง แบบในฐานะคนที่เป็น font developer ที่เข้าไป advise ซีรีส์มันเป็นยังไง แล้วก็พาร์ทที่ 2 จะมาเล่าฝั่ง tech นิดนึงว่า tech ที่ใช้ในเรื่องจริงๆ หลังๆ เรื่องอะฮะ มันเป็นยังไงกันแน่ ก็อาจจะไม่ได้มีโค้ดเยอะเท่า session ก่อนหน้า แต่ว่าอันนี้ก็แบบชิลๆ เป็น talk ปิดแล้วกันเนาะ ครับ

จุดเริ่มต้นการเข้าไปเกี่ยวข้องกับซีรีส์3:50

ก็ขอเท้าความก่อนว่า ปั๊บเข้าไป involve กับซีรีส์นี้ได้ยังไง มีคนถามเยอะนะฮะ ก็ปั๊บเคยทำโปรเจคนึงกับพี่ที่เป็นผู้กำกับเรื่องนี้

ชื่อพี่ไก่ ณฐพล บุญประกอบครับ ก็ตั้งแต่เมื่อ 4-5 ปีที่แล้วแล้วแหละ แล้วแบบเมื่อประมาณปี 2022 ปลายปี 2022 ก็บังเอิญเจอพี่ไก่ที่งานนึงชื่อ MIT Media Lab Southeast Asia Forum ฮะ แล้วตอนนั้นเค้าก็มาถามคำถามว่า ถ้าคนนี้จะไปด่าคนนี้

แบบคำถามอะไรไม่รู้อะ ฟังไม่รู้เรื่อง เพราะแบบมัน no context มากๆ อะไรเงี้ย แบบถ้าเป็น dev บริษัทนี้ออกไป แล้วแบบมี dev อีกบริษัทนึงจะมาแซะว่า เออ ยูทำแบบนี้ แบบระวังโดนฟ้องเหรอ อะไรเงี้ย ซึ่งแบบผมก็แบบถามพี่เค้าว่า พี่ เหี้ยอะไรวะ ครับ

แล้วก็มีอีกว่าตอนนั้นอยู่กับพี่ภูมิ พี่ภูมิอยู่นี่เนาะ ก็ตอนนั้นพี่ไก่ก็ถามอีกคำถามนึงว่า เออ ปกติเวลา dev เค้าด่ากัน เค้าด่าอะไรบ้าง อะไรเงี้ย ก็แบบก็บอกว่า โอเค มันก็อาจจะมีด่าเรื่อง spaghetti code หรืออะไรเงี้ย เค้าก็ถามว่า เออ ถ้างั้นด่าแบบนี้ได้มั้ย พ่อมึงขายสปาเกตตี้เหรอ อะไรเงี้ย

ผมก็บอกมันไม่น่าใช่นะพี่ไก่ แล้วหลังจากนั้นนะฮะ ก็เหมือนเค้าบอกโอเค มีของน่าจะมาถามเรื่อยๆ แหละ แล้วเค้าก็ทัก LINE มาเรื่อยๆ เออ ปั๊บ ถ้าจะทำแบบนี้ ถ้าจะทำแบบนี้ ซึ่งแบบคำถามมันก็ no context เหมือนเดิมฮะ โอ้ ถ้าคนนี้ไปบริษัทนี้แล้ว กำลังทำ font ระดับนี้ กำลังขายงาน ก็ปั๊บก็ตอบไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเริ่มปะติดปะต่อได้ว่า โอเค เค้าน่าจะทำซีรีส์อะไรซักอย่างเกี่ยวกับ startup อยู่ ครับ จนกระทั่ง 1 ปีขึ้นถัดมา พี่ไก่ก็ถามว่า เออ กำลังทำซีรีส์อยู่นั่นแหละ

แล้วก็ถามว่า ช่วยมาดูจริงจังได้มั้ย อะไรเงี้ย เพราะแบบมันเริ่มลึกขึ้นเรื่อยๆ ละ แล้วแบบมันน่าจะต้องการแบบ adviser จริงจัง ก็ Netflix ก็ทักมาแบบเซ็นสัญญา เซ็น NDA นู่นนี่นั่นอะไรเงี้ยฮะ แล้วปลายปี 2023 ก็คือ 1 ปีหลังจากงาน Southeast Asia Forum ก็ได้บท set แรกมาอ่าน แล้วแบบจำได้ว่าตอนนั้นนั่งอยู่ Starbucks ฮะ แบบตอนเค้าส่งบทมาให้ ตอนแรกก็จะอ่านแบบ 2 ตอนแรกแล้วกลับบ้านอะไรเงี้ย แบบไอ้เหี้ยแม่งสนุกชิบหาย ก็แบบนั่งอ่าน 7 ตอนรวด แล้วก็แบบคันปากอยากเล่า ประมาณปีครึ่งกว่าจะได้เล่า ก็ดีใจมากฮะ ได้มาเล่าซักที

พัฒนาบทและการสร้าง World Building5:58

จริงๆ เหมือนถ้าเห็นนะฮะ

บทที่ปั๊บผมได้ก็คือเป็น draft ที่ 6 แล้ว เค้าเหมือนแบบ develop กันมา ใช้เวลานานอยู่ประมาณปีกว่าอะไรเงี้ย แล้วมันก็มีหลายอย่างที่ต่างจากในเรื่องอยู่ประมาณนึง แต่ว่าก็น่าจะเห็นภาพรวมคร่าวๆ อย่างเช่นไอ้พาร์ทนี้ก็คือ จากคำด่า จากแบบที่เค้ามาปรึกษานี่แหละ ว่ามันน่าจะเป็นยังไงอะไรเงี้ย อย่างเช่นอันนี้ ถ้าใครเห็นคนแชร์ก็ ไอ้นั่นมึงเขียนตัวแปรอะไรมา มีแต่ตัวย่อ คนมาทำต่อมันจะตรัสรู้ได้มั้ย ไอ้ห่า!! ครับ ก็มันก็มีภาพรวมคร่าวๆ แล้วแหละ ตอนนั้นคือเท้าความว่า ตอนนั้นมีแต่บท นักแสดงยัง cast ไม่เสร็จ ยังไม่ได้ทำ fitting ก็คือยังไม่ได้ถ่ายรูปอะไรนู่นนี่นั่นอะไรเงี้ยฮะ ตอนที่ปั๊บทำตอนนี้ก็คือ การบ้านก็คือ

โอเค เรามีแบบ script คร่าวๆ แบบเนี้ย แบบคร่าวมาก ไม่มี background อะไรเลย ปั๊บจะสามารถทำยังไงให้ world ในเรื่องมัน

มันกว้างขึ้นได้อะไรเงี้ย เหมือนแบบผมชอบคำที่พี่ไก่พูดนะ ว่าเค้าไปสัมภาษณ์ให้ The Standard ว่า เหมือนเวลาเค้าทำซีรีส์อะฮะ เค้าเหมือนเป็นกัปตันเรือที่แบบเห็นภาพยอดเขาน้ำแข็ง แล้วแบบแต่ละทีมมัน เหมือนเป็นคนที่แบบเป็น ทำพาร์ทที่มันอยู่ใต้ภูเขาน้ำแข็งให้แบบ world building มันแข็งแรงขึ้นอะไรเงี้ย ซึ่งแบบผมก็เป็นคนทำพาร์ท tech ให้เรื่องนี้

ออกแบบตัวละครทีม Tech และตำแหน่ง7:07

ก็แล้วหลังจากที่แบบผมนั่งอ่านบท นั่งแบบปรับๆ ไปประมาณเดือนกว่า เค้าก็ส่งภาพนี้มาให้ฮะ

เป็นรูปของทีม dev แต่ละคนว่า โอเค แบบยูจะต้องเจอกับใครบ้าง ซึ่งความตลกก็คือ โอเค ก็มีรุ่ยเจี๋ยเนาะ มีลีนุกซ์แล้วก็มี… dev ในเรื่องอะฮะ

จะมีคนที่มีบทพูด 3 คน ชื่อเบิร์ด นัน อาร์ม ซึ่งบทแรกๆ ตอนนั้นเค้ายังไม่ได้ตั้งชื่อเลย เขียนว่าทีม tech ตัวสูง ทีม tech ตัวอ้วนอะไรเงี้ย ก็ 1 2 3 คนนี้

แล้วตอนนั้นน่ะ ปั๊บก็ถามประมาณ 4-5 คนได้ แบบพี่ภูมิ พี่ไท ลิฟต์ฟี่ อะไรเงี้ยว่า เออ เราจะจัดตำแหน่งเค้ายังไงดี เพราะแบบผมก็บอกพี่ไก่แบบว่า เออ ปกติเวลา dev เค้าทำงาน เค้าไม่ได้แบบทำมั่วๆ ไปทุกคนทำทุกอย่างเนาะ จริงๆ มันก็ทำได้ถ้าเป็น 10x แต่ว่ามันก็ไม่ได้ทุกบริษัทฮะ

ก็เลยมี 3 คนเนี้ยฮะ 1 2 3 โยนให้ว่า

เออ คนไหนน่าทำตำแหน่งอะไรวะ แล้วทุกคนพูดเหมือนกันว่าคนนี้น่าทำ backend

ก็โอเค พาร์ทที่ต้องทำทีเนี่ยฮะ ก็คือนั่งทำ world building ว่าแต่ละคนน่าจะเป็นยังไง เพราะในบทมันก็แค่เขียนว่าโดนด่าอะไรบ้าง ก็คือที่ต้องทำก็คือต้องไปคุยกับทีม art ว่าคนนี้น่าจะต้องนั่งใกล้ๆ กับคนนี้ เพราะว่าทำตำแหน่งเดียวกัน ทำตำแหน่งใกล้กัน อย่างเช่นคนที่ทำ front-end ก็น่าจะควรอยู่ด้วยกันฮะ

แล้วก็เหมือนตอนนั้นทีม art เค้าบอกว่าเค้าจะทำจอให้ ว่าแต่ละคนจอเป็นยังไง ก็เลยเขียนไปคร่าวๆ ว่า front-end ในยุคนั้น คือในเรื่องมันเกิดขึ้นประมาณ 5 ปีที่แล้วเนาะ ก็ต้องไล่ว่าแต่ละคนทำหน้าตาเป็นยังไง อย่างเช่นคนที่ทำ mobile ก็น่าจะต้องใช้ macbook เพราะต้องทำ cross-platform ทำ iOS ด้วยฮะ แล้วก็เวลา dev มันก็น่าจะมีจอแบบโทรศัพท์อยู่ข้างๆ หรือว่ายุคนั้นถ้าเป็น front-end ก็สมัย Atom สมัย Sublime ประมาณนี้ ก็ไล่ไปคร่าวๆ ฮะ

Workshop ให้นักแสดงทีม Tech (อย่าพิมพ์มั่ว!)9:04

แล้วทีนี้หลังจากที่เริ่ม set up ประมาณ 1 เดือน ก็ได้โจทย์ใหม่ อย่างเช่นของรุ่ยเจี๋ยก็บอกว่า ตอนนั้นพี่ไก่ก็ถามว่ารุ่ยเจี๋ยควรเป็น dev ประมาณไง ก็บอกว่าไปดูภูมิปรินทร์

ก็บอกว่าถ้าเป็น cross-platform ก็จินตนาการไว้ตั้งแต่ตอนนั้นว่าน่าจะเป็น 10x developer แบบทำได้ทุกอย่างฮะ ก็เลยบอกว่าโอเคน่าจะมีคอม เครื่องหลักอาจจะเป็น macbook เพราะต้องทำ mobile ด้วย ทำนู่นนี่นั่นด้วย แล้วก็หน้าตาก็ประมาณนี้ ก็บอกว่าใช้ vim ไปละกัน เพราะว่าเก่งแล้วครับ ทีนี้ประมาณ 1 เดือนถัดมา ได้โจทย์ใหม่ ก็คือต้องไป workshop ให้นักแสดงแต่ละคน ว่าคนที่ทำทีม tech อ่ะ ก็คือต้องอธิบายให้เค้าฟังว่าอะไร แต่ละคนคือไม่มีประวัติทีม tech เลย คนนึงทำงาน art จ๋าเลย อีกคนนึงเป็น rapper อีกคนนึงก็เป็นนักร้อง opera ที่เป็นเก๊าท์ด้วยฮะ ก็เค้าหายแล้วก็ดีใจกับเค้าด้วยครับ ก็เลยบอกวันนั้นอย่างแรกเลยก็คือ เล่าคร่าวๆ ว่าโปรแกรมเมอร์แต่ละคนไม่ได้ทำหน้าที่รวมกัน เหมือนบอกว่าวิศวกรมันก็มีวิศวกรไฟฟ้า วิศวกรช่างกล เครื่องกลอะไรเงี้ยเนาะ developer มันก็มีหลายตำแหน่ง แต่ละคนทำอะไรบ้าง แล้วก็บอกคำแรกซึ่งเป็นคำที่ปั๊บหงุดหงิดมาก เวลาเห็นโปรแกรมเมอร์ในหนังก็คือ อย่าพิมพ์มั่ว เพราะมันรู้ ก็คือจินตนาการแบบเคยเห็นดู Fast and Furious มั้ยครับ มันมีภาคหนึ่งแบบเป็น hacker บอกว่า โอ้คนนี้เก่งว่ะ แล้วก็ปิ๊บๆๆๆๆ

อย่าทำฮะ กับอย่างที่ 2 ก็คือทำไมไม่ควรพิมพ์มั่วอีก ก็ปั๊บบอกว่าในเรื่องอ่ะ ถึงไม่ได้เห็นจอเยอะ เวลาพิมพ์มันจะมีเหมือนแบบเป็นเงาอ่ะครับ ที่เราพอจะรู้ว่ามันเป็นภาษาอะไรเนาะ อย่างเช่นอันนี้ก็เป็นภาษาอะไรฮะ Javascript ใช่มะ ถ้าเป็น HTML มันก็จะไม่มีก้อนที่หลากสีแบบนี้เนาะ มันก็จะเป็นพรืดๆ ยาวๆ อะไรเงี้ย เออ แล้วถ้าพิมพ์มั่วมันเห็น มันเป็นแบบแดงเป็นพรืดมาเลยอะไรเงี้ย เพราะฉะนั้นอย่าพิมพ์มั่ว โอเค ก็นั่นแหละฮะ ทั้งวันก็คือแบบ workshop ไปวันนึงเต็มๆ สิ่งเดียวที่เค้าจำได้ก็คืออย่าพิมพ์มั่ว ที่เหลือก็ตามยถากรรมแล้วกัน

เริ่มถ่ายทำ! ประสบการณ์ในกองถ่ายครั้งแรก11:10

โอเค หลังจากนั้นก็ work กับทีม art ต่อเรื่อยๆ

ประมาณ 2 เดือน จนกระทั่งเมื่อต้นปีที่แล้ว

เมื่อกี้คือ pre-production เนาะ คือเตรียมตัว อันนี้คือ production ละ มาเริ่มถ่าย scene tech ถ้าจำไม่ผิดประมาณเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว scene แรกที่ต้องถ่ายคือตอนที่ 3 ฮะ ก็คือเป็นตอนที่สันติเช่าโรงแรมที่เป็นโรงแรมเก่าๆ

อะไรเงี้ย ก็ตอนนั้นเป็นประสบการณ์ไปกองครั้งแรก อย่างจริงจังที่ว้าวมาก คือทุกอย่างปลอมหมดเลยฮะ แบบกำแพงก็ทำใหม่ ไอ้เพดานเนี่ยไม่มีอยู่จริง ทำใหม่ ช่องแอร์ที่น้ำรั่วก็ไม่มีอยู่จริง เป็นช่องแอร์ปลอมฮะ ก็ตอนแรกก็นึกว่าทีม art ก็ปลอมด้วย แต่ทีม art เป็นคนจริงๆ ก็เซอร์ไพรส์นิดหน่อยฮะ

วันนั้นที่ต้องทำอ่ะฮะ ก็คือตอนแรกอ่ะ เหมือนทีม art เค้าก็ทำ concept มาคร่าวๆ แล้วแหละว่าหน้าจอเป็นยังไง แต่ว่ารู้สึกมันไม่ค่อยใช่เท่าไหร่อะไรเงี้ย ก็เลยบอกเค้าว่า เอา Macbook เอาคอม 6-7 เครื่อง ที่ต้องใช้มา เดี๋ยวมาลงเองแล้วกัน ก็คือแบบมันจะได้ interactive ได้ด้วยอะไรเงี้ย ก็สรุปวันนั้นทำไม่เสร็จฮะ แบกคอม 7 เครื่องไปคอนโดคนเนี้ย แล้วก็แบบนั่งจัดการกันถึงเช้า ก็ขอบคุณจีมด้วยฮะ ที่แบบมาช่วยลงให้ แล้วก็ตอนเช้าปุ๊บก็คือก็ไปถ่ายทำต่อ

ควบตำแหน่งนักแสดงและทีม Art12:26

แล้วก็คือตอนแรกอ่ะ เท้าความก่อนว่าปั๊บไม่ได้ตั้งใจจะเป็น front-end developer แต่ว่าเค้าบอกว่าวันที่มันมีถ่ายทีม tech อ่ะ ตอนแรกปั๊บขี้เกียจไป เพราะกองถ่ายแต่ละกองมันไกลมากอะไรเงี้ย มีแบบอันนี้ก็อยู่สะพานควาย ซึ่งแบบคนละทางกับบ้านเลย หรือแบบไอ้ที่เป็นโกดังมันก็อยู่สำโรง แบบรถไฟฟ้าเข้าไม่ถึงอะไรเงี้ยฮะ ก็เลยบอกว่าโอเควันไหนมี scene ทีม tech เดี๋ยว zoom เค้าเข้าไปแล้วกัน เพราะว่าขี้เกียจไป กลัวว่าไม่ได้พูดประโยคสุดท้ายให้เค้าฟัง แล้วก็เลยเข้าใจว่าทีม producer อ่ะ ก็เลยน่าจะไปคุยกันเว้ยว่า เออ ทำไงให้แม่งมากองถ่ายดีว้า แล้วแบบก็เลยบอกโอเค เอาไปตำแหน่งตัวประกอบไปแล้วกัน เพื่อเป็นการบังคับให้ต้องไปกองถ่าย

เพราะแบบ you ไม่สามารถ zoom call เค้ามาแสดงได้แน่ๆ กูท้าเลยอะไรเงี้ย เออ ก็เลยต้องไปกองถ่าย ซึ่งพอเวลาตอนที่มันควบ 2 ตำแหน่งอ่ะฮะ มันก็มีความน่าสนใจมาก ก็คือปกติเวลานักแสดงก่อนเข้าฉาก เค้าจะแบบเตรียมตัวนู่นนี่นั่นเนาะ แล้วแบบระหว่างนั้นทีม art ก็เค้าจะเรียกว่า reset ก็คือ set up ฉาก หรือแบบเวลาต้องถ่ายใหม่ scene เดิม อย่างเช่นแบบเวลาพูดคำเดิมอ่ะครับ ปกติเค้าจะพูดประมาณ 4-5 รอบ ก็คือมีทั้งเก็บ footage เผื่อด้วย มีทั้งเปลี่ยนมุมกล้องเพื่อเป็นมุมเดิมด้วยอะไรเงี้ย เพราะฉะนั้นมัน repeatable พอสมควร ก็เวลารีเซ็ตทีนึงอ่ะครับ ปกตินักแสดงเค้าก็ไปพัก แล้วก็ให้ทีม art เข้า แต่พอเป็นทั้งนักแสดงและทีม art ก็เลยต้องก่อนถ่ายก็เข้าไป set up ฉาก

เสร็จแล้วก็ brief นักแสดงว่าอย่าพิมพ์มั่วครับ แล้วก็ทำแบบนั้นทุกรอบ แล้วก็ให้เค้าไปนั่ง แล้วก็เข้าฉากไปด้วยฮะ แล้วเสร็จแล้วก็คือออกมาแล้วก็ ดีมาก you ไม่พิมพ์มั่ว แล้วก็วิ่งไปที่จอมอนิเตอร์พวกกำกับ แล้วดูว่าเค้าพิมพ์มั่วรึเปล่า พอเค้าไม่พิมพ์มั่วก็โอเค พอใจละ ก็ทำแบบนี้วน ก็เป็น 2 วันที่สนุกดีฮะ

โอเคนั่นก็คือพาร์ทแรกแบบ น่าจะเห็น process รวมๆ ว่ากองถ่ายเป็นไงบ้าง

ความประทับใจในการทำงานของกองถ่าย14:11

ซึ่งเอาจริงอ่ะ มันมีเรื่องนึงที่ปั๊บประทับใจมากเกี่ยวกับกองถ่าย คือเวลาที่เราพูดถึงวง dev อ่ะฮะ เรารู้สึกว่าทีมประมาณ 10 คนอ่ะ แม่งก็ชิบหายวายวอดแล้วอะไรเงี้ย แบบโอ้ manage คน ดูแค่ราว 10 คนมันเหนื่อยอะไรเงี้ย แต่กองถ่ายมันคือเป็น มันเหมือนเป็นงานที่แบบ you ต้อง coordinate คนหลักร้อยคนให้มันเป๊ะทุกวัน โดยที่ทุกอย่างไม่พัง แบบจินตนาการว่าคนถือไมค์อะไรเงี้ยฮะ เออ แบบสายมันต้องเสียบแบบยุ่งเหยิงมาก กล้องมันก็ไม่ได้เป็นกล้องแบบกล้องแชะ iPhone อะไรเงี้ย มันเป็นกล้องแบบตัวละ 4 ล้าน ที่แบบต้องเสียบสายประมาณ 2,000 ล้านอย่าง ก่อนที่แบบมันจะติดอ่ะฮะ เออ ก็แล้วแบบทุกอย่างมันเป๊ะมาก ก็คือเสียงมันต้องเข้า ภาพมันต้องเข้า โฟกัสต้องเข้า นักแสดงต้องเล่น

คือแบบเหมือนปกติเวลาเราเห็นในหนังก็คือ เวลาสั่งคัทมันอาจจะเกิดจากแค่นักแสดงเล่นผิดเนาะ แต่จริงๆ คือแบบทุกระบบทุกอย่างมันต้องเป๊ะอ่ะฮะ ไม่งั้นมันมีปัญหาแน่ๆ ซึ่งประทับใจมากที่สิ่งนี้มันเกิดขึ้นได้ทุกวัน เป็นเวลา 2 เดือน รู้สึกว่ามันเป็นภาพที่น่าสนใจมาก ที่ไม่เคยเห็นในฐานะ developer ฮะ ก็เข้าใจได้ว่าแบบพวก scope งานมันก็ต่างกันแหละ มันแค่น่าสนใจ แล้วภาพที่เกิดขึ้นก็หน้าตาประมาณนี้ฮะ

เบื้องหลัง tech ในซีรีส์ (MVP และ stack)15:19

จริงๆ อันนี้แอบเสียดายอย่างนึง

คืออันนี้มันเป็นแบบ ถ้าในเรื่องอ่ะฮะ มันเป็น MVP คร่าวๆ

เพราะฉะนั้นอ่ะฮะ stack มันโง่มากเลย เออ ก็แบบโอเค you ทำ mobile เป็น React Native ฮะ

ใช่ เพราะว่าแบบก็ทำ cross-platform อ่ะ ทีมเล็ก หรือว่าก็ทำนู่นนี่นั่น ซึ่งจริงๆ มันมีอีก version นึงที่มันไม่เห็นในเรื่อง ก็คือแบบ version scale up ที่แบบโอเคแบบ set up docker นู่นนี่นั่นอะไรเงี้ย แอบเสียดายเหมือนกันที่ไม่เห็น แต่ว่าก็ดีใจที่ภาพนี้ไวรัลฮะ

โอเค ทีนี้หลังจาก SR จบ

ถ่ายทำฉากโกดังและความท้าทายใหม่16:01

scene ถัดมาที่ต้องทำก็คือทะเล แล้วหลังจากทะเลข้ามไปแล้วกัน มันไม่ได้มีอะไรมาก ทีนี้ข้ามไปก็คือโกดัง ก็คือแบบตอนที่ SR มันเปลี่ยนเป็น Thunder เนาะ ทีเนี้ย challenge ใหม่ก็คือตอนนั้นเรา set เราเคลียร์กับทีม tech 7 คน ตอนนี้ทีม tech มันประมาณ 20 กว่าคน ซึ่งห้องทีม tech หน้าตาประมาณนี้ฮะ

Selenium อ๋อ ใช่ โกดังด้วย เสียดายมากอันนี้แบบมันก็ไม่เห็นในเรื่องเว้ย เออ ก็เหมือนโจทย์ที่ปั๊บได้วัน set up อ่ะฮะ ก็คือเรามันเป็นห้องเปล่าๆ เลย ทุกอย่างปลอมเหมือนเดิมหมด แอร์ก็ปลอม คือเหมือนแบบทีม art เรื่องนี้ทำได้ทุกอย่างเว้ย แบบแอร์เนี่ย คือจริงๆ ตรงเนี้ยผนังมันไม่มีอยู่จริง ทีม art ทำขึ้นมา แล้วก็แปะแอร์ให้มันใช้ได้เข้าไป เออ แล้วแอร์มันใช้ได้เว้ยฮะ

ก็นั่นแหละตอนแรกห้องมันไม่ได้รก แต่ว่าคนที่ทำให้รกแบบแปะนู่นนี่นั่นคือปั๊บกับคนนี้ ก็คือมีวันนึงก่อนที่เขาจะเริ่มถ่ายทำจะเป็นวัน setup ของฉากเนาะ วันแรกทุกอย่างโกดังโล่งหมดเลย ปั๊บก็นั่ง setup ก็คือนั่งเขียนอะไรมั่วซั่วอะไรเงี้ย ทำไงให้ห้องมันดูแบบรกเหี้ยๆ ครับ ก็คือแบบเอาคนนี้มาแล้วก็นั่งเขียนอะไรอยากเขียนอะไร ก็เขียนบนผนังอะไรเงี้ย ตอนเย็นถ้าเห็นก็จะมีแบบ Golang มี theoretical language ที่เป็นรูปปูเพราะสมัยนั้นยังไม่มีครับ บอกว่ามันน่าจะมีเนาะหรือว่าก็อย่างมี algorithm มีนู่นนี่นั่น ตอนเย็นปั๊บก็ไปลากพี่ไก่ พอกลับมาขึ้นมาบนห้องตอนนั้นเขาก็กำลังเฮฮาอยู่ ขึ้นมาแล้วเขาก็ทำหน้าแบบช็อคที่เห็นสภาพห้อง

ก็จบวันแรกไป

ทีม Art สุดยอด! Setup ฉากโกดัง17:44

ทีนี้วันที่ 2 พอกลับมา วันแรกก็ดั่งโล่ง วันที่ 2 กลับมาก็ดั่งสภาพเงี้ยฮะ คือทีม art setup แบบกล่อง 70,000 ใบได้เพียงในคืนเดียว ปั๊บโคตรประทับใจเลย โอเคก็อันนี้ก็คือเรื่องของตอน setup ทีม Thunder

จัดการจอทีม Tech 20 คน และวิธี Capture18:02

อีก challenge นึงก็คือแทนที่ปั๊บจะ deal กับทีม tech แค่ 7 คน ปั๊บต้อง deal กับทีม tech 20 คนแล้ว ซึ่งจากตอน setup เราใช้เวลาทั้งคืน setup tech 7 เครื่อง แล้วเวลารีเซ็ตมันยากมาก ก็เลยรู้สึกว่าวิธีการให้จอมัน interactive ได้ มันไม่ค่อย make sense ละ

พอมันเยอะขึ้น ปั๊บก็เลยใช้วิธีการ capture เอา ก็คือแทนที่จะให้ทุกเครื่อง interactive ได้ ใช้คอมตัวเองแล้วปั๊บมา setup แต่ละเครื่อง เครื่องนึงอาจจะมี scene เดียวกัน 2-3 อัน ให้ใช้แต่ละ scene ได้แทน แล้วรู้สึกว่ามันใช้เวลา setup น้อยลงเยอะ ทีนี้สิ่งที่ปั๊บดีใจอย่างนึงคือไม่ต้องบอกทีมแล้วว่าอย่าพิมพ์มั่ว เพราะพิมพ์มั่วไปมันก็ไม่เกิดอะไรขึ้นเพราะมันเป็นรูปภาพฮะ แต่ประเด็นคือเขาก็จะหมุนเมาส์มั่วแทน ซึ่งมันก็จะทำให้ tab window มันเด้งๆ ได้

เพราะฉะนั้นปัญหาใหม่ที่ปั๊บต้องทำคือเวลารีเซ็ตฮะ ปั๊บต้องเปิดภาพนี้ดึงเมาส์ออก แล้วก็บอกเขาว่าอย่าเสียบเมาส์กลับเข้าไป เลื่อนเมาส์มั่วซึ่งไม่มีใครทำอยู่แล้วฮะ แต่ว่าเหมือนเวลาเปลี่ยนฉากทีนึง ปั๊บก็ต้องเสียบเมาส์กลับเข้าไปแล้วก็เปลี่ยนนู่นนี่นั่น โอเคก็อันนี้คือตอนที่ setup จอให้ทีม tech 20 คนฮะ

โค้ดในซีรีส์มาจากไหน? (Creatorsgarten)19:16

ทีนี้อีกคำถามนึงก็คือแล้วพวก code พวกนี้มันมาจากไหน ปั๊บจะเชื่อได้ไงว่าไม่ได้ไปก๊อป code คนอื่นมา แล้วเขาจะไม่ตามมาฟ้องอะไรเงี้ยฮะ คำตอบก็คือ dt.in.th ครับ Creatorsgarten Stupid Hackathon Bangkok ครับ

ก็คือทั้ง Thunder สิ่งที่เค้าทำนะครับก็คือ Creatorsgarten นั่นเอง

ใช่ครับ ก็โอเคนี่ก็คือโค้ดที่อยู่ในเรื่องนะครับ ขอร้องพี่ไทอย่าฟ้องผมจะขอบคุณมาก

โอเคก็หน้าจอประมาณนี้

เบื้องหลังการออกแบบแอปในซีรีส์20:01

โอเคนั่นคือภาพรวมที่เกิดขึ้นในเรื่องเนาะ ทีนี้พาร์ท 2 ก็คือแล้วนอกจากที่เล่ามาทั้งหมด เทคที่อยู่ในเรื่องนอกจากที่ต้องเป็นจอของ developer มันก็ต้องมีพวกแอปหรืออะไรที่อยู่ในเรื่องเนาะ ก็ทีเนี้ยอย่างที่บอกในบทมันคร่าวมาก อย่างเช่นอันนี้ก็เป็นซีนที่บอมบ์ไปเก็บของ แล้วเค้าบอกว่าแค่บอกว่าหน้าจอ iData ขึ้น error คำถามคือ error ยังไง มันไม่ได้มีเขียน หรือว่ารุ่ยเจี๋ยเปิดโน้ตบุ๊กดาวน์โหลดเช็คงบการเงิน เช็คงบยังไงก็เป็นอีกเรื่องนึง หรือว่ามอลลี่ซื้อของในแอปเป็นยังไง

ก็โจทย์ที่ปั๊บต้องทำก็คือมานั่งทำพวกคำ 1 บรรทัด พวกเนี้ยให้กลายเป็นแอปให้ได้

ก็ยากประมาณนี้ ขอบคุณครับ จริงๆ ภาพเนี้ยปั๊บดีใจมากที่มีคนพูดถึง มันมี easter egg อยู่ที่ไม่ค่อยมีใครสังเกต

โอเคคำตอบคือ error 418 I'm a Teapot

ก็คือนั่นแหละ

Easter Egg ในฉาก Error และ Tech ที่ใช้จริง21:08

เหมือนสิ่งที่ปั๊บทำแบบถ้าใครจำอันนี้ได้เนาะ ในเรื่องเราใช้ React Native ใช้ไร แต่ว่าแน่นอนว่าทำ stack ในเรื่องมันแบบนี้ มันไม่ make sense อยู่แล้ว สิ่งที่เราทำก็คือเป็น Svelte บวก Tailwind แล้วต่อ PWA เพราะว่าถ้ามันทำเป็นแอปมันไม่มีทางหนังไม่มีทางเสร็จ กว่าจะ submit ขึ้น App Store อะไรนู่นนี่นั่น อันนี้มันแก้ง่าย ทีนี้จากหน้าจอแบบเนี้ยมันเกิดขึ้นจากการที่ทีม art

เค้าส่งแบบนี้มาให้ว่าอย่างเช่น SR Express you มี CI ประมาณนี้ แล้วก็ identity ของบริษัทก็คือ you จน you ไม่มีตังค์ you ไม่มี designer you จะทำยังไง ก็เลยต้องถอดความออกมาแล้วก็ตีความออกมาว่า โอเคสิ่งนี้จะเป็นยังไง หรืออย่างเช่นของ Easy ที่บอกว่า โอเค you ทุนหนากว่า you จะทำไงให้มันดูดีขึ้น ทีเนี้ยความน่าสนใจของ PWA คือ ถ้าเราเขียน PWA ไปตรงๆ ช่วงนั้นมัน iPhone ที่มันมีติ่งมาแล้ว

แล้วหลายเรื่องหลายครั้งมันจะใช้ iPhone ที่มีติ่ง เพราะฉะนั้นถ้าเราใช้ PWA ตรงๆ ไอ้ตัวแถบด้านบนมันจะเป็นสีดำ เราก็ต้องใช้ท่า hack นิดนึง ก็คือเราเซ็ต padding top ขึ้นมา ให้มันตีขึ้นแบบ safe space area ไปให้มันสามารถไล่ gradient ได้ มันจะได้รู้ว่าไม่เป็นแอป ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจ

ออกแบบ Native App และ PWA22:26

กับอีกเรื่องนึงก็คือที่มันไม่ค่อยเห็นในเรื่อง แต่ว่าปั๊บทำด้วยก็คือพวก native app มันจะไม่มี bouncy ใช่มั้ย แบบพวก Safari มันจะมี bouncy แต่ว่าถ้าเป็นแอปมันไม่มี เพราะฉะนั้นมันก็ต้องใช้ท่า hack ว่าจะทำยังไงให้มันไม่ bounce ก็มานั่ง design ว่าอย่างเช่นแอปเนี้ย มันเป็น native app มันไม่ควรจะ bounce แต่ว่าขณะเดียวกันถ้าไปดูแบบแอปต้นฉบับ ของบริษัทขนส่งสายฟ้าที่สีเหลืองๆ

อันนั้นส่วนใหญ่มันเป็น webview ครอบหมดเลย เราก็มา design ว่า โอเค interaction ของอันนี้มันควรจะ bounce ได้ ก็ประมาณนี้ เราก็ได้แอปหน้าตาประมาณนี้ออกมาที่เป็น PWA

ถ้าใครสนใจก็ไปลองเล่นได้ muc-app.pages.dev

เปิดให้เล่นแอป PWA และย้ายไป Cloudflare23:08

ทีเนี้ยอันนี้ตอนนั้นก็ปิดมัน private ไว้ แล้วพอเหมือนหนังเริ่ม release ไปได้ช่วง 4-5 วัน ผู้กำกับพี่ไก่ก็บอกกระซิบบอกว่า เฮ้ยปั๊บปล่อยเลยให้คนอื่นเล่น

ก่อนหน้านี้จริงๆ มันไม่ได้เป็น Cloudflare มันเป็น Netlify จำไม่ได้เหมือนกันทำไมตอนนั้นใช้ Netlify ก็คือภายในวันเดียวแบบคือเปิด release ไว้คืนเดียว เช้าวันถัดมา Netlify เด้งว่า you ใช้ bandwidth ไป 100 GB แล้ว ตอนนั้นก็แบบเหี้ย ทำไงดีวะ ก็เลยนึกขึ้นมาได้ว่าย้ายไป Cloudflare ดีวะ ก็เลยย้ายไป Cloudflare แล้ววันนั้น 2 วันก็มีคนเข้าประมาณแสนกว่า unique user

ผมก็ไม่ค่อยใจเหมือนกัน คนจะมากดแอปที่มันใช้จริงไม่ได้ ทำไมแสนกว่า user ใน 1 วัน

Fun fact: ทำไมรุ่ยเจี๋ยหัวร้อน?24:00

โอเคทีนี้ก็จบพาร์ทหลัก

ถ้ามีใครสนใจพาร์ท tech แบบมาคุยกันได้หลังไมค์ ทีนี้มี fun fact นึงก่อนจบ อันสุดท้ายก็คือทุกคนรู้มั้ยว่า ทำไมรุ่ยเจี๋ยถึงหัวร้อนตลอดเวลา

โอเคคำตอบมันอยู่ในภาพนี้

นี่คือซีนตอนสุดท้ายของเรื่อง นี่คือโค้ดที่รุ่ยเจี๋ยเขียนอยู่ใช่มั้ย ถ้าคุณสังเกตดีๆ นะ คุณจะเห็นว่าสิ่งนี้มันคือ vim และรุ่ยเจี๋ยพยายามพิมพ์มั่วๆ และรุ่ยเจี๋ยน่าจะออกจาก vim ไม่ได้

คือปั๊บประทับใจพี่พลังมาก คือจินตนาการว่า vim การที่จะพิมพ์ได้มันต้องกด i ใช่มั้ย เพื่อที่จะพิมพ์อะไรเงี้ย เขาก็อุตส่าห์ปึ๊บๆๆๆ คีย์บอร์ดจนสามารถเข้า insert mode ได้

แล้วเหมือนปั๊บถ่ายรูปนี้เก็บเอาไว้ พอส่งให้คนอื่นดูอะไรเงี้ย แล้วก็กลับบ้านวันนั้นเพิ่งจะมาเห็นว่า เฮ้ย มีสิ่งนี้ด้วยว่ะ จนกระทั่งตอนนั้นก็ลุ้นว่า มันจะถูกใช้ในเรื่องมั้ยวะ แล้วตอนลง Netflix ก็เห็นอันนี้ก็ โอเค สุดยอดครับ รุ่ยเจี๋ยจาก vim ได้ครับ

Easter Egg เพิ่มเติมและทฤษฎีเกี่ยวกับรุ่ยเจี๋ย25:15

อย่างที่ 2 คือถ้าใครสังเกต code นี้ code นี้มาจาก repository ชื่อ creatorsgarten/garden-gate ซึ่งก็มี head theory ว่ารุ่ยเจี๋ยเป็นสมาชิก

ดูนี่ คอมรุ่ยเจี๋ยแปะอะไรบ้าง สติกเกอร์จาก bangkok open source สติกเกอร์จาก Stupid Hackathon ครั้งที่ 5 รุ่ยเจี๋ยเขียนโค้ด garden-gate และหน้า Thunder Express มีสติกเกอร์ Stupid Hackathon รูปชัชชาติแปะอยู่ครับ

สรุปและ Q&A25:48

โอเคครับ talk วันนี้มีเวลา 20 นาทีสั้นๆ ก็จบประมาณเท่านี้ ถ้าใครอยากอ่าน version เต็มก็ไปอ่านได้ใน Medium ปั๊บเก็บไว้อยู่ฮะ น่าจะมีหลายเรื่องที่บันเทิงที่ไม่ได้เล่าอยู่เหมือนกัน จบประมาณเท่านี้ Q&A ไม่แน่ใจทันมั้ย แต่ก็ขอบคุณครับ วู้ สุดยอดเลยครับ

ที่จริงแล้ว Creatorsgarten ไม่ใช่กลุ่ม ไม่ใช่สถานที่ แต่เป็นผู้คนนั่นเองครับ

ช่วง Q&A อย่างเป็นทางการ26:17

เอาล่ะครับ ผมเป็นช่วง session Q&A ครับผม มีเวลาเหลือเฟือเลยครับผม มีใครจะถามคำถามอะไรมั้ยครับเกี่ยวกับซีรีส์นี้ เรายังเหลือ JetBrains อีกตั๋วนึงนะครับ แต่ว่าจะเป็นข้อยกเว้นให้ครับว่า ไม่ต้องถามคำถามที่ meaningful ก็ได้นะครับ

ครับมีใครมีคำถามกับซีรีส์นี้มั้ยครับ มี 2 คน เอาอันนี้ก่อน

Q&A: ทำไมรุ่ยเจี๋ยใช้ vim แต่กด arrow?26:39

ทำไมรุ่ยเจี๋ยใช้ vim แต่กด arrow อะครับ

ลืมบอกพี่พลัง ลืมบอกเขาว่ามันใช้ hjkl ประมาณนั้นครับ

แต่ว่าก็อาจจะแถว่าเขาเป็นเก้าท์ที่นิ้วด้วย อาจจะกดยากก็เลยเป็น arrow แทนแล้วกัน โอ้ สังเกตเห็นขนาดนั้นเลยเหรอ ขอบคุณมากครับ โอเค มีคำถามต่อไป มีอีกอันครับ มีอีกอันตรงนี้

Q&A: กลิ่นห้องที่สร้างใหม่เป็นยังไง?27:15

ที่พี่บอกว่าพวกทีม art ในห้องที่สร้างทุกอย่างขึ้นมาใหม่หมด กลิ่นห้องเป็นไง กลิ่นเหมือนฝุ่นครับ อย่างแรกเลย สิ่งที่ทำให้ปั๊บได้รู้เกี่ยวกับกองถ่ายคือ 1 กองถ่ายฝุ่นเยอะมาก 2 กองถ่ายร้อนมาก เพราะมันต้องปิดแอร์ เวลาถ่ายทีก็คือปิดแอร์อะไรเงี้ย ซึ่งมันร้อนมาก

ขนาดคนที่ทำทีมกล้องที่ปั๊บรู้จัก เขาเขียนว่าเรื่องหน้าอยากถ่ายทำซีรีส์ที่ อุณหภูมิอยู่ในห้องแอร์ อุณหภูมิ 24 องศา แล้วมีแสงแดดอ่อนๆ จังเลย เพราะว่ากองถ่ายร้อนมาก ก็เป็นเรื่องนึงที่น่าสนใจมาก คือนอกจาก reset ฉาก

บางทีเวลามันร้อนมาก เขาก็ต้องมานั่งซับเหงื่อ นั่งทำให้หน้ามันไม่เลอะเหมือนกัน ก็เป็นเรื่องนึงที่ประทับใจ

เรื่องเล่าเกี่ยวกับทีม Art และหมูกระทะ28:05

มีเวลาสั้นๆ มั้ยครับ อยากเล่าเรื่องนึงเกี่ยวกับทีม art

มีใครดูซีรีส์แล้วเนาะ ดูหลายคนแล้วเนาะ จำฉากที่เสี่ยรถส่งของภาคใต้

แบบปาร์ตี้กันใช่มั้ย ตอนกลางคืน หมูกระทะบนโต๊ะ กินได้จริง

สิ่งที่ทีม art ต้องทำคือต้อง setup เตาหมูกระทะ

แล้วเวลา reset ก็คือเขาก็มาเสิร์ฟหมู เสิร์ฟหมูเติม แล้วโต๊ะ tech เป็นโต๊ะที่กินเยอะสุดๆ คือทุกคนก็แบบ อ้า หิว กินหมูกระทะ จนทีม art เดินมาด่าว่าพร็อพใกล้หมดแล้ว มึงเลิกแดกได้แล้ว

แน่นอนฮะว่า ด้วยความที่ทีมเทคเราต้องมีความสร้างสรรค์ สิ่งที่เราบอกเค้าก็คือไม่ต้องเป็นห่วงครับ กด Grab ได้

ทีมเทคก็เลยหารตังค์กันซื้อหมูเพิ่มจำนวนมากมาจาก Grab แล้วหน้าที่ใหม่ของทีมอาร์ตนอกจากต้องมาเสิร์ฟหมูและซอส แล้วก็คือไปรับของที่ Grab ให้ด้วยครับ ก็ขอบคุณทีมอาร์ตมากครับ

Q&A: Issue ใน repo resolve หรือยัง?29:14

โอเค มีคำถามอีกมั้ยฮะ เมื่อกี้เหมือนเห็นอีก 1 คำถามใช่มั้ยครับ ซักครู่นะครับ

เห็นใน repo อะครับ เห็นมีคนเปิด issue เอาไว้อันนึง มาจากเหตุการณ์ EP สุดท้าย สงสัยว่า resolve ไปรึยังครับ แล้วก็ถ้ายังไม่ได้ resolve มีแผนจะ resolve มั้ยครับ

เค้าไล่ผมออกแล้วอะฮะ ก็ช่างแม่ง ล้อเล่นฮะ

โอเค ในเรื่องมันมีเรื่องนึงไม่ได้เล่าเนาะ แบบตอนสุดท้ายมันจะมีเรื่อง Git อะไรเงี้ย ที่แบบคนก็เถียงกันเยอะอยู่ มันก็มี issue จริงๆ ซึ่งประทับใจมากที่ you อุตส่าห์ไปนั่งแหกตาดูโดเมน จนมาเปิดได้อะไรเงี้ย

ขอบคุณมากครับ

ความประทับใจจากผู้ชมและ issue ใน repo30:07

ชื่อคุ้นๆ กันหลายคนเลยนะครับเนี่ย

จริงๆ ประทับใจมากที่มีคนที่เขียนว่า

โอ้ you มีสิ่งของหลายอย่าง

หรือแบบก็มี pull request มาด้วยฮะ อย่างเช่น เฮ้ย add CCTV footage ของการที่ Linux

กระทำการกระทำอะไรบางอย่างนะฮะ ซึ่งเค้าก็อุตส่าห์ไปลง YouTube ให้ครับ

ก็ขอบคุณมากครับที่มีความพยายามในเรื่องแบบนี้กัน ซึ่งตอนนั้นปั๊บก็ส่งไปหาพี่ผู้กำกับว่า เออ พี่มันมีคนมาทำแบบนี้ ปั๊บใช้เวลา 5 นาทีในการอธิบายให้เข้าใจว่า dev ทำอะไรกัน

pull request คืออะไร issue คืออะไร เค้าบอก เออ ดีวะ พวกนี้แม่งประหลาดดีครับ โอเค ตามนี้

คำถามสุดท้ายและแจกของรางวัล31:17

มีใครมีคำถามเพิ่มเติมอีกมั้ยครับ

งั้นถ้าไม่มีแล้วนะครับ เดี๋ยวให้คุณปั๊บนะครับ ดูเลยครับว่าคำถามไหนตรงข้ามกับ meaningful ที่สุด ทำให้ตัวเองได้มั้ยอะ ปั๊บตอบไร้สาระมากคำถามอะ เฮ้ย แต่ว่า MIT เค้าไม่แจก JetBrains เหรอครับ จริงๆ แบบเสื้อตัวนี้ผมไม่ได้ใส่มาตอนเช้านะฮะ

มี MIT professor บางคนโยนมาให้แล้วบอก you ใส่มา talk เลย

เมื่อกี้ใครถามบ้างนะฮะ ยกมือได้มั้ยครับ แป๊บนึงครับ เป่ายิงฉุบ โอน้อยออก… อ๋อ สละสิทธิ์

อ๋อ เค้ารวยแล้ว โอเคครับ มีใครอีกนะฮะ อีกคนนึงอยู่ไหน โอเค เป่ายิงฉุบกันนะ

คือซองมันน่ากลัวมากเลย มันเหมือนแบบจะไล่ออกครับ

โอเค ก็ตามนี้ จบแล้วฮะ ขอบคุณครับ

ปิดท้ายและขอบคุณ32:29

มีผู้ถูกพาดพิงแบบเมื่อกี้ใน messenger มีผู้ถูกพาดพิงแบบพิมพ์มาแบบด่า

อยู่ไหนวะ ใน Facebook มี วดฟ ขึ้นมาก็โอเค ไม่เป็นไร

โอเค ช่างมัน จบและ ขอบคุณครับ

เอาล่ะครับ ก็จบแล้วนะครับสำหรับ session สุดท้าย แต่ว่านะครับ ไหนมี

Edit metadata on GitHub

How to Contribute to Transcripts

Report Inaccuracies

1

Select text and click Report

Highlight the inaccurate text in the transcript, then click the Report button that appears.

2

Right-click any transcript text

Right-click on any transcript segment to select it and show the Report button.

Keyboard Shortcuts

Cycle playback speedS
Navigate to timestampPaste
Play/pause videoSpace
Seek ±5 seconds← →
Paste timestamps like "00:02:20.680" to jump to that position